นาจะหลวย
ห้วยโลกริเวอร์ไซด์
Home/หน้าแรก
Tourist attraction/แหล่งท่องเที่ยว
Room Detail/รายละเอียดห้องพัก
Food&Drink/อาหารและเครื่องดื่ม
Map/แผนที่-การเดินทาง
Contact/ติดต่อเรา
ภายในอำเภอนาจะหลวยและอำเภอใกล้เคียง
ระยะห่างจากอำเภอถึงจังหวัด
:
100 กิโลเมตร
พื้นที่
:
632 ตารางกิโลเมตร
คำขวัญของอำเภอ
:
นาจะหลวย รวยน้ำใจ ถิ่นวัฒนธรรมไทยสี่เผ่า เทพเจ้าภูหมากจอง เนืองนองน้ำตกถ้ำบักเตว
ประวัติการก่อตั้งอำเภอ
:
อำเภอ นาจะหลวย แต่เดิมคือตำบลนาจะหลวย ตำบลโนนสมบูรณ์ ตำบลโนนสวรรค์ ตำบลพรสวรรค์ และตำบลโสกแสง ซึ่งอยู่ในเขตการปกครองของอำเภอเดชอุดม ที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ ไม่สะดวกแก่การติดต่อราชการ จึงได้แยกตำบลดังกล่าวออกมาตั้งเป็นกิ่งอำเภอเมื่อ ปี พ.ศ.2515 และได้ยกฐานะเป็นอำเภอเมื่อปี พ.ศ.2530
ประวัติการตั้งชื่ออำเภอ
:
คำ ว่า "นาจะหลวย" เรียกเพี้ยนมาจากคำว่า "จะรอย, จะโรย เป็นภาษาส่วย ซึ่งแปลว่าพังพอน" เมื่อรวมกันเป็นชื่ออำเภอ "นาจะหลวย" แล้วมีความหมายว่า พื้นที่ปลูกข้าวที่เป็นที่อยู่อาศัยของพังพอน
อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย
ที่ตั้ง :
ตำบลนาจะหลวย อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี
ประเภท :
แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ
อุทยาน แห่งชาติภูจองนายอย เป็นอุทยานลำดับที่ 53 ของประเทศ พื้นที่เป็นเทือกเขาแหล่งต้นน้ำของลำห้วยที่สำคัญของจังหวัดอุบลราชธานี สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง มีพันธ์ไม้ขึ้นอยู่หนาแน่นและอุดมสมบูรณ์ ส่วนมากจะเป็นดินลูกรังปะปนหินปูนตามบริเวณที่ราบบนเนินเขา และประกอบด้วยลานหินลักษณะต่าง ๆ ตลอดจนหน้าผา เช่น ผาน้ำ พันธ์ไม้ประมาณ 75% ได้แก่ จำปาป่า และพันธ์ไม้ป่าไม้ดอก
อ้างอิงจาก :
http://www.thaitambon.com
http://www.lib.ubu.ac.th/ubontravel/showtravel.php?id_travel=87
น้ำตกห้วยหลวง
ที่ตั้ง :
อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ตำบลนาจะหลวย อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี
ประเภท :
แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติน้ำตกห้วยหลวง หรือ น้ำตกบักเตว เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีผาน้ำกระโจนตกจากที่สูงสู่เวิ้งเบื้องล่างสูงราว 50 เมตร มีทางขึ้นลงบันไดจำนวน 272 ขั้น เพื่อชมวิวบริเวณอ่างน้ำด้านล่างซึ่งมีความสวยงามมาก
อ้างอิงจาก :
http://www.thaitambon.com
http://www.lib.ubu.ac.th/ubontravel/showtravel.php?id_travel=87
มหัศจรรย์กุ้งเดินขบวน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
dnp.go.th
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุบลราชธานี ขอเชิญชมเทศกาล
"มหัศจรรย์ กุ้งเดินขบวน ประจำปี 2556" ระหว่างวันที่ 1-31 สิงหาคม 2556 ณ ลานพันรู บริเวณน้ำตกแก่งลำดวน ในพื้นที่สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าอุบลราชธานี
ไปชมความมหัศจรรย์สัตว์โลก ค้นหาความแปลกของธรรมชาติว่ากุ้งมากมายจะขึ้นมาเดินขบวนอวดโฉมเป็นหมื่นตัวในช่วงค่ำคืนได้อย่างไรกัน ^^
ใน อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง แต่ที่ได้รับความนิยมมาก คือ น้ำตกแก่งลำดวน ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของสถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่า อุบลราชธานี ซึ่งเป็นน้ำตกที่เกิดจากแก่งหินธรรมชาติ และในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคมของทุกปีจะมีน้ำเชียวไหลเแรง จนกลายเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เป็นอันซีนไทยแลนด์อีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือ
กุ้งเดินขบวน
โดยจะมีกุ้งนับแสนตัวพากันเดินขบวนทวนกระแสน้ำของแก่งลำดวนขึ้นมาบริเวณโขด หินลานพันรู ก่อนจะมุ่งหน้าไปบนเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งเป็นช่วงการสืบพันธุ์และการวางไข่ของกุ้ง โดยพวกมันจะต้องพาตัวเองกลับไปยังแหล่งกำเนิดที่ต้นน้ำบนยอดเขา ในขณะที่กระแสน้ำแรงทำให้ไม่สามารถที่จะว่ายทวนน้ำได้ กุ้งเหล่านี้จึงต้องเดินผ่านโขดหิน และค่อย ๆ ไต่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ และจะปีนขึ้นลงในระยะทางไม่เกิน 2 เมตรในแต่ละจุด และจะเดินทางประมาณ 3 ทุ่มจนถึงตี 4 ของอีกวัน จุดที่สามารถเข้าชมปรากฏการณ์ดังกล่าวจะมีระยะทางอยู่ที่ 15 เมตร ทั้งนี้ ขบวนกุ้งดังกล่าวนั้นเป็น "กุ้งฝอย" มักจะอยู่รวมกันเป็นฝูง และอาศัยอยู่ตามผิวน้ำหรือริมตลิ่ง
อ้างอิงจาก :
http://travel.kapook.com/view67089.html
แก่งลำดวน
แก่งลำดวนอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดม อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย (ถูกจัดตั้งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2530) เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 53 ป่าภูจองนายอยเป็นอุทยานที่กว้างใหญ่ ติดต่อกับ 3 อำเภอได้แก่ อำเภอบุญฑริก นาจะหลวย และน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี และที่สำคัญที่ยังทำให้ป่าภูจองนายอยยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ทั้งยังถูกซ่อนเร้นจากนักท่องเที่ยว ยังรักษาความบริสุทธิ์ของสภาพได้ ก็เพราะว่ามีอาณาเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชา และประเทศลาวนั่นเอง พื้นที่ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาพนมดงรัก มีสภาพป่าที่สมบูรณ์ สภาพธรรมชาติที่สวยงาม สัตว์ป่าที่ชุกชุม เนื้อที่ประมาณ 428,750 ไร่ แก่งลำดวน มีลักษณะเป็นแก่งหินลดหลั่นลงไปเป็นชั้น คล้ายแก่งสะพือ เป็นส่วนหนึ่งในสายน้ำลำโดมใหญ่ มีความสวยงามและมีความยาวประมาณ 200 เมตร มีเกาะแก่งและพรรณไม้ขึ้นตามโขดหิน ในบริเวณแก่งมีต้นลำดวนขึ้นมากมาย อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดม บ้านหนองขอน ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี การเดินทางไปแก่งลำดวน เป็นทางราดยาง ตามถนนสาย อุบล-เอชอุดม-น้ำยืน บ้านหนองขอน ระยะทาง 110 กม. แล้วต่อด้วยทางลูกรัง 2.5 กม. นักท่องเที่ยวสามารถพักค้างแรมได้ที่ สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีบ้านพัก 2 หลัง และเต้นท์ 30 หลัง ไว้คอยบริการ ส่วนร้านอาหารในบริเวณแก่งลำดวน ยังเป็นเพิงขายของ และจะขายเฉพาะวันหยุดเท่านั้น การท่องเที่ยวแก่งลำดวน นิยมเที่ยวระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม
อ้างอิงจาก :
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=paribut&month=10-2010&date=18&group=7&gblog=28
แก่งกะเลา
เป็นแก่งหินกลางลำธารห้วยหลวงที่มีธารน้ำไหลแผ่กว้าง ทอดแนวยาวไปตามลำธารห้วยหลวงที่ลดหลั่นกันลงไปตามความยาวของห้วยหลวง เหมาะแก่การเล่นน้ำเพราะมีความปลอดภัยสำหรับเด็ก เนื่องจากน้ำไม่ลึก อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 2.5 กม. อยู่ระหว่างทางที่จะไปน้ำตกห้วยหลวง รถยนต์สามารถเข้าถึงได้
อ้างอิงจาก :
http://www.ubonguide.org/forum/index.php?topic=311.0
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดม
ป่ายอดโดมเป็นส่วนหนึ่งของป่าบนเทือกเขาพนมดงรักซึ่งเป็นเทือกเขาที่กั้น พรมแดนระหว่างไทย-ลาว และไทย-เขมร กรมป่าไม้ได้กำหนดป่ายอดโดมเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เมื่อปี พ.ศ. 2520 โดยมีอาณาเขตอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งขวาลำโดมใหญ่ ท้องที่ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เนื้อที่ประมาณ 202.55 กม.2 หรือ 126,595 ไร่ ต่อมาได้เพิกถอนพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดมบางส่วนออก เนื่องจากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน เขต 3 ขอใช้พื้นที่เป็นที่ตั้งหมวดตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 314 เนื้อที่ประมาณ 280ไร่ ตามพระราชกฤษฎีกา เพิกถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดม ในปี พ.ศ. 2523 ต่อมาได้ผนวกพื้นที่เพิ่มเติมในปี พ.ศ.2535 รวมเป็นเนื้อที่ประมาณ 140,845 ไร่ ซึ่งก็ยังมีพื้นที่ที่หมาะสมที่จะควรผนวกเข้าเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอีก โดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2538 รวมเป็นเนื้อที่ประมาณ 153,200 ไร่ อยู่ในท้องที่ตำบลโดมประดิษฐ์ ตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
ลักษณะภูมิประเทศ
ภูมิประเทศประกอบไปด้วยเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน ยอดที่สูงที่สุดคือยอดโดม ความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 180 - 770 เมตร มีที่ราบบนยอดเขาบ้างแต่ไม่กว้างมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นที่ลาดซึ่งมีป่าดงดิบขึ้นอยู่ทั่วไป สลับกับทุ่งหญ้า มีลักษณะเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารแหล่งหนึ่งของแม่น้ำมูล ลำห้วยสายหลัก คือ ลำโดมใหญ่ หินที่มีส่วนใหญ่เป็นหินทราย
ลักษณะภูมิอากาศ
เนื่องจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดมนี้ ลักษณะส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบและอยู่ใกล้กับชายแดนประเทศลาวและเขมร ซึ่งป่าตามชายแดนของประเทศทั้งสองก็มีลักษณะเป็นป่าดงดิบ เช่นกัน ดังนั้นป่าบริเวณนี้ จึงมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ แม้กระทั่งฤดูแล้งก็ไม่แห้งมากนัก และในฤดูฝนฝนจะตกชุก โดยแบ่งสภาพอากาศออกเป็น 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน ระหว่างช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม ฤดูฝนระหว่างช่วงเดือนมิถุนายน - ตุลาคม ฤดูหนาว ระหว่างช่วงเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์
ชนิดป่าและพรรณไม้
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดมมีลักษณะป่าประกอบไปด้วยป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และทุ่งหญ้า โดยที่ส่วนของเชิงเขาจะเป็นป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง บริเวณยอดเขาสลับไปด้วยป่าดิบเขา ป่าดิบแล้งและทุ่งหญ้าตามบริเวณทุ่งหญ้านั้นมีหญ้าขึ้นอยู่หลายชนิด มีไม้ดอกขึ้นอยู่สวยงามมากพันธุ์ไม้ในป่าที่สำคัญ ๆ ได้แก่ ชิงชัน กะบาก พยูง เต็ง รัง เหียง พยอม เก็ดแดง เก็ดดำ แดง ประดู่ เคี่ยมคะนอง สมอ หว้า ก่อ มะยมป่า ชมภู่ป่า ตะแบก เหมือด ไทร มะค่า กะโดน ส้าน พลอง เขล็ง เสลา มะกอก ไม้ที่ขึ้นเป็นพื้น ได้แก่ นนทรี คาง ตีนนก ยาง ตะเคียน มะขามป้อม มะม่วงป่า ไม้พื้นล่างได้แก่ ไผ่ต่าง ๆ หวาย ว่านต่าง ๆ กล้วยไม้ หญ้าต่าง ๆ มอส เฟิร์น
สัตว์ป่า
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมี เลียงผา หมี กวาง กระทิง เสือโคร่ง เสือดาว เสือปลา แมวป่า เม่น เก้ง หมูป่า หมาป่า หมูหริ่ง ลิ่น ลิง ค่าง ชะนี ลิงลม กระต่ายป่า ชะมด อีเห็น และคาดว่ายังมีกูปรีอาศัยอยู่ด้วย เพราะเป็นแหล่งกำเนิดตามธรรมชาติของสัตว์ชนิดนี้
สัตว์ป่าพวกนกต่าง ๆ มีนกหลายชนิด ชนิดที่สำคัญคือ นกเป็ดก่า สัตว์เลื้อยคลานมี เต่า เห่าช้าง และงูประเภทต่าง ๆ
จุดเด่นที่น่าสนใจ
แก้งลำดวน วังเวิน วังฮี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่วังฮีมีรูปรอยแกะสลักบนก้อนหินเป็นรูปนารายณ์บรรทมสิ นธุ์ แหล่งโบราณคดีภูอ่างเป็นภาพแกะสลักและภาพเขียนสีบนผนังเพิงผาบริเวณภูอ่าง
การเดินทาง
การเดินทางไปเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดม เดินทางทั้งทางบกและทางอากาศ
ทางบก เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปตามเส้นทางหลวงผ่านสระบุรีจนถึงนครราชสีมา เมื่อถึงนครราชสีมาแล้วจะสามารถเดินทางได้สองทางคือ
1. ตามเส้นทางหลวงหมายเลข ๒ ผ่านจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ถึงอุบลราชธานี เดินทางต่อผ่านอำเภอวารินชำราบ อำเภอเดชอุดม ถึงอำเภอน้ำยืน จากนั้นไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข ๒๒๔๘ ระหว่างอำเภอน้ำยืน-อำเภอนาจะหลวย อีกประมาณ ๑๕ กม. ถึงบ้านหนองขอน จากบ้านหนองขอนเข้าไปอีกประมาณ ๒.๕ กม. ถึงสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดม
2. เมื่อถึงนครราชสีมาแล้วเดินทางตามทางหลวงหมายเลข ๒๔ สายโชคชัย-เดชอุดม ผ่านอำเภอหนองกี่ อำเภอนางรอง อำเภอประโดนชัย (จังหวัดบุรีรัมย์) และผ่านท้องที่อำเภอปราสาท อำเภอสังขะ (จังหวัดสุรินทร์) อำเภอขุขันธ์ อำเภอขุนหาญ และอำเภอกันทรลักษณ์ (จังหวัดศรีสะเกษ) แล้วผ่านเข้าไปอำเภอกันทรลักษณ์ ตามทางหลวงหมายเลข ๒๒๑ ถึงอำเภอน้ำยืน (จังหวัดอุบลราชธานี) บรรจบเส้นทางตามข้อ 1.
ทางอากาศจากสนามบินดอนเมืองถึงสนามบินอุบลราชธานีแล้วเดินทางตามด้านบน
สิ่งอำนวยความสะดวก
รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ไฟฟ้า น้ำประปา ภายในบ้านพักรับรอง
ติดต่อสอบถาม
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดม ตู้ ปณ. ๑๐ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
อ้างอิงจาก
เว็บไซต์ : http://www.dernpa.com/index.php?topic=274.0
วัดภูพลานสูง
สถานที่ตั้ง บ้านหลักเมือง หมู่ 8 ต.นาจะหลวย อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี
สถานที่รับเสด็จพระบรมสารีริกธาตุ ในยุคกึ่งพุทธกาล
เรื่องราวประวัติความเป็นมา ถึงการก่อตั้งวัด และคำพยากรณ์เกี่ยวกับการเสด็จมาของพระบรมสารีริกธาตุ ณ.สถานที่แห่งนี้
ความเป็นมาของวัดภูพลานสูง
วัดภูพลานสูง เป็นวัดสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่้บนยอดเขาภูพลานสูง เทือกเขาภูจอง ห่างจากตัวอำเภอนาจะหลวยไปทางทิศตะวันออกประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ในการอุปภัมภ์ของชาวบ้านหลักเมือง ต.นาจะหลวย อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี สถานที่ตั้งของวัดเป็นเสนาสนะป่าที่บรรพบุรุษได้พยายามสืบต่อรักษาธรรมชาติ
เนื่องจากสถานที่ตั้งของวัดเป็นที่สัปปายะจึงมักจะมีครูบาอาจารย์สายกรรมฐาน พาคณะศิษยานุศิษย์มาปลีกวิเวกใช้เป็นสถานที่ในการฝึกจิตอยู่เป็นประจำ ในสมัยที่ยังไม่เป็นวัดนั้น ก็จะใช้เป็นสถานที่ในการจัดงานปฏิบัติธรรมหลังจากออกพรรณา อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบมา
วัดภูพลานสูงจึงเกิดขึ้นจากความพยายามของบรรพบุรุษทั้งฝ่ายบรรพชิตและ คฤหัสถ์ ครูบาอาจารย์ที่ได้มาสร้างวัดองค์แรกก็คือ พระครูวิบูลธรรมธาดา (กาว ธมฺมทินฺโน) อดีตเจ้าคณะอำเภอเดชอุดม ได้มาบุกเบิกหักร้างถางพง และสร้างเสนาสนะต่างๆเท่าที่จำเป็น ตั้งแต่ปี พ.ส. 2518 แต่เนื่องจากช่วงนั้นสถานที่แห่งนี้มีไข้มาลาเรียชุกชุม จึงทำให้เป็้นอุสรรคสำหรับการสร้างวัเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากท่านได้รู้ว่าสถานที่แห่งนี้จะมีความสำคัญต่อไปในอนาคต เพราะในสมัยบรรพชาเป็นสามเณรท่านเคยได้ติดตามถวายการอุปัฏฐากพระครูวิโรจน์ รัตโนบล (บุญรอด นนฺตโร) อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี วัดทุ่งศรีเมือง ผู้ไปทำการบูรณะองค์พระธาตุพนมในปี พ.ศ.2544 ได้พบคัมภีร์โบราณ (ต่อมาเทวดาได้นำคัมภีร์นี้มาถวายหลวงพ่อภรังสี) จึงทำให้ได้ทราบถึงคำพยากรณ์ในคัมภีร์นั้นว่าจะมีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา ที่วัดภูพลานสูงแห่งนี้ในอนาคต จึงได้มอบหมายให้พระครูวิบูลธรรมธาดาซึ่งเป็นสามเณรในสมัยนั้นสร้างวัดภู พลานสูงเพื่อรองรับพระบรมสาีรีิริกธาตุ ตามที่ทำนายไว้ในพระคัมภีร์ ท่านจึงได้ดำเนินการสร้างวัดมาด้วยความยากลำบาก ในอดีตคณะสงฆ์ได้พยายามผลักดันที่จะก่อสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ หันพระพักตร์ไปทางประเทศกัมพูชา ประเทศลาว และประเทศไทย เนื่องจากสถานที่ตั้งของวัดอยู่ระหว่างชายแดนทั้ง 3 ประเทศ แต่ก็ไม่สามารถที่จะดำเนินการสร้างได้ วัดภูพลานสูงก็ตั้งอยู่ในกฏของความไม่เที่ยง (อนิจจัง) เช่นเดียวกัน อยู่ในยุคเสื่อม ยุคเจริญมาตามลำดับ บางปีก็ขาดแคลนพระภิกษุผู้อยู่จำพรรษา
ในปี 2542 ชาวบ้านหลักเมือง จึงได้พยายามพร้อมใจกันกราบอาราธนาให้หลวงพ่อภรังสี ซึ่งประจำอยู่ที่วัดป่าบ้านคำบอนในสมัยนั้น ขึ้นมาดูแลวัดภูพลานสูง นำพาสาธุชนบูรณะปฏิสังขรณ์สืบต่อไป ท่านจึงได้จัดส่งพระลูกวัดขึ้นมาพำนักจำพรรษาดูแลเสนาสนะ คือ พระอาจารย์วิทย์ ปคุโณ หลวงปู่พูน สนฺตจิตฺโต สามเณร จำนวน 2 รูป โดยมีพระครูสุนทรสารวัฒน์ (สุนทร สุนฺทโร) เจ้าคณะตำบลตูม เป็นประธานที่ปรึกษา เมื่อออกพรรษาพระภิกษุ สามเณรก็ไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ เนื่องจากลำบากด้วยปัจจัยสี่ การเดินทางสัญจรขึ้นลงก็ลำบาก จึงพากันลงจากวัดภูพลานสูงไปพักจำพรรษาที่อื่น
มาในปี พ.ศ.2543-2545 หลวงพ่อภรังสี จึงได้ขึ้นมาดูแลพัฒนาปรับปรุงนำร่อง 2 ปี โดยได้บุกเบิกถนนขึ้นสู่วัดจัดระบบระเบียบต่างๆ ทำความสะอาดอาณาบริเวณและ มอบหมายให้พระลูกศิษย์ดูแลแทน ส่วนท่านเองได้กลับไปจำพรรษาที่วัดป่าคำบอน
ต่อมาพระลูกศิษย์ก็ไม่สามารถอยู่จำพรรษาได้ จึงทำให้ท่านขบคิดว่า ทำไมวัดภูพลานสูงถึงไม่มีพระภิกษุสามเณรอยู่ได้ ท่านจึงขึ้นมาดูแลด้วยตัวท่านเองในปี พ.ศ. 2547 ก่อนเข้าพรรษาได้สร้างกุฏิขึ้นหนึ่งหลัีง เพื่อใช้เป็นที่พำนักจำพรรษา
การเดินทาง
: ในการเดินทางมาวัดภูพลานสูง เริ่มต้นจากจังหวัดอุบลราชธานีมุ่งหน้าสู่อำเภอเดชอุดม และเข้าสู่ถนนสายกลางตรงมายังอำเภอนาจะหลวย ชึ่งวัดภูพลานสูงอยู่ห่างจากอำเภอนาจะหลวย 4 กโลเมตร
ที่มาเนื้อหา : หนังสือสุริยธาตุ ม.ศ.5
เว็บไซต์ :
http://www.suriyathat.net
http://www.khunmaeshee.com/index.php?option=com_content&view=article&id=9:suriyathat&catid=1:2010-07-01-02-31-41&Itemid=85
http://info.dla.go.th/public/travel.do?cmd=goDetail&id=112571&random=1356182276312
Home/หน้าแรก
Tourist attraction/แหล่งท่องเที่ยว
Room Detail/รายละเอียดห้องพัก
Food&Drink/อาหารและเครื่องดื่ม
Map/แผนที่-การเดินทาง
Contact/ติดต่อเรา
resort,holtel,room,food&drink,nachuai นาจะหลวย,ที่พัก,รีสอร์ท,ร้านอาหาร,โรงแรม